หมวดหมู่
บทความล่าสุด
เติมน้ำมันให้คุ้มค่าที่สุด
...........ท่านเชื่อหรือไม่ว่าการเติมน้ำมันเชื้อเพลิงที่ผู้ใช้รถต้องเติมกันอยู่เสมอๆ..นี้ .ก็มีแนวทางที่จะทำให้คุ้มค่ามากขึ้นได้ หากลองมาพิจารณาถึงปัจจัยเล็ก.ๆ.น้อย.ๆ.ที่เกี่ยวข้อง บทความนี้จะนำเสนอแนวคิด ของปัจจัยที่จะมีผลต่อความ คุ้มค่าในการเติมน้ำมันเชื้อเพลิง.ซึ่งแล้วแต่ท่านผู้อ่านจะเลือกไปทดลองปฏิบัติดูตามความสะดวก. และความเหมาะสมเติมน้ำมันตอนเช้ามืด
.......... . .ในการเติมน้ำมันนั้น. เราจ่ายค่าน้ำมันตามจำนวนปริมาตร (ลิตร) ที่เราเติม แต่พลังงานที่เราได้รับจาก น้ำมัน นั้นไม่ใช่ตามจำนวนปริมาตร (ลิตร). แต่เป็นตามจำนวนโมเลกุลหรือน้ำหนัก.. ของเหลว ซึ่งรวมถึงน้ำมัน โดยปกติแล้ว จะมีปริมาตร (ลิตร) เพิ่มขึ้นเมื่ออุณหภูมิสูงขึ้น (สมมุติว่าความดันไม่เปลี่ยนแปลง) ดังนั้น.. ถ้าเราเติมน้ำมันในปริมาตร (ลิตร) เท่าเดิมที่อุณหภูมิต่ำกว่า ก็จะต้องได้จำนวนโมเลกุล หรือน้ำหนักของน้ำมันมากกว่าการเติมน้ำมันตอน อุณหภูมิสูงช่วงเวลาที่อุณหภูมิต่ำสุดในแต่ละวัน น่าจะเป็นช่วง 4:00 – 7:00 น. ในขณะที่ช่วงเวลาประมาณ 13.00 – 16.00 น. ก็น่าจะเป็นช่วงที่อุณหภูมิสูงสุด ................เคยมีคนทดลองเปรียบเทียบน้ำหนักของน้ำมัน 1 ลิตร ที่อุณหภูมิ 25 C กับที่อุณหภูมิ 33 C พบว่าน้ำมันมีน้ำหนักต่างกันประมาณ.. 0.084 ..กิโลกรัม หรือ ประมาณ 10 % ..ของน้ำมันที่อุณหภูมิ 33 C .ซึ่งถ้าการทดลองดังกล่าว ใกล้เคียงกับความจริง และถ้าอุณหภูมิของน้ำมันตอนเช้ามืดกับอุณหภูมิของน้ำมันตอนบ่ายแตกต่างกันมาก เราจะได้น้ำมันมากกว่าการเติมน้ำมันตอนบ่ายไม่น้อยเลยทีเดียว
......... .....อย่างไรก็ตาม ผู้เขียนยังไม่มีโอกาสตรวจสอบหรือทดลองว่าน้ำมันเชื้อเพลิงมีสัมประสิทธิ ..การขยายตัวมากดังที่ได้กล่าวมาหรือไม่ แต่ก็เชื่อว่าจะต้องมีการเพิ่มหรือลดของปริมาตรเมื่ออุณหภูมิเปลี่ยนไปไม่น้อยเลยทีเดียว สำหรับในประเทศไทยซึ่งมีอุณหภูมิกลางวันกลางคืนไม่แตกต่างกันมากนัก ประกอบกับถังเก็บน้ำมันตามปั๊มจะถูกฝังไว้ใต้ดิน อุณหภูมิของน้ำมันที่เติมตอนเช้ามืดกับเติมในตอนบ่ายอาจไม่แตกต่างกันมากถึง 8 C แต่จะต้องมีการแตกต่างกันแน่นอน จะมากหรือน้อยก็แล้วแต่ช่วงฤดูกาลและสภาพอากาศในแต่ละวัน
$$- - - - - - - - - - - - - - -- - - - - - - - - - - - - - - $$
เติมน้ำมันให้เต็ม หรือ ไม่เต็มถัง
.................เป็นที่ทราบดีว่าน้ำมันเชื้อเพลิงมีน้ำหนัก และ น้ำหนักก็เป็นภาระของเครื่องยนต์ ถ้าน้ำมันเต็มถัง ก็เท่ากับ ว่าเครื่องยนต์ต้องรับภาระน้ำหนักของน้ำมันนี้ไปด้วย รถก็จะกินน้ำมันมากกว่าตอนมีน้ำมันในถังน้อย ..ถ้าไม่ต้องการ ให้รถรับภาระน้ำหนักของน้ำมันมาก คือมีน้ำมันในถังค่อนข้างน้อยตลอดเวลา ก็ต้องจอดเข้าปั๊มเติมน้ำมันบ่อยขึ้น เสียเวลามากขึ้น (เสียเวลาเลี้ยวรถเข้า-ออกปั๊ม เวลารอพนักงานมาให้บริการและเก็บเงิน) และถ้าปั๊มที่เติมไม่ใช้ทางผ่านก็ต้องเสียเวลา ค่าน้ำมัน..และค่าสึกหรอรถในการขับไปเติมอีกด้วย
................คงจะประเมินได้ยากว่า การเติมน้ำมันเต็มถังหรือไม่เต็มถังอะไรคุ้มค่ามากกว่ากัน หรือ อะไรคุ้มค่าที่สุด ซึ่งแต่ละคนก็จะแตกต่างกันไปตามลักษณะการใช้รถ เส้นทางที่ขับประจำ อัตราการกินน้ำมันเชื้อเพลิงของรถ ฯลฯ อย่างไรก็ตามถ้าจะเติมน้ำมันบ่อยๆ ให้น้ำมันเต็มถัง หรือเกือบเต็มถังอยู่ตลอดเวลา อย่างนี้ไม่น่าจะคุ้มค่า ยกเว้น ว่าจะมีเหตุผลอื่นมาหักล้างไป
................ตัวอย่างเช่น ในแต่ละวันถ้าผู้ขับมีการใช้รถมาก ขับระยะทางไกล ต้องรีบเร่งเป็นประจำ กรณีนี้ก็น่าจะเติมน้ำมันเต็มถังทุกครั้ง และ ใช้จนน้ำมันในถังเหลือน้อยแล้วจึงเติมใหม่ แต่ถ้าผู้ขับใช้รถไม่มาก ไม่รีบเร่ง มีเวลาเหลือเฟือ ออกจากบ้านแต่เช้ามืด เส้นทางที่ขับผ่านประจำมีปั๊มน้ำมัน อย่างนี้ ในการเติมน้ำมันแต่ละครั้งก็ไม่ต้องเติมให้เต็มอาจเติมสักครึ่งถังกว่าๆ ก็พอ เติมตอนเช้ามืด และ ใช้จนน้ำมันในถังเหลือน้อยแล้วจึงเติมใหม่
$$- - - - - - - - - - - - - - -- - - - - - - - - - - - - - - $$
ปั๊มไหนขายน้ำมันราคาถูก
.................เรื่องนี้คงไม่ต้องอธิบายอะไรมาก ของถูกของแพงมันชัดอยู่แล้วแค่ดูราคาขายที่หน้าปั๊มมาเปรียบเทียบกัน แต่อย่างไรก็ตาม เราควรพิจารณาด้วยว่าทำไมเขาถึงขายน้ำมันได้ถูกกว่าที่อื่น ถ้าเป็นเพราะมียอดขายสูง มีการบริหารงานอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้มีต้นทุนต่ำกว่าก็ดี แต่ถ้าเป็นน้ำมันปลอม หรือ ผสมสารชนิดอื่น มาตรวัดเติม มันน้ำไม่ตรงคือตัวเลขขึ้นเร็วกว่าความเป็นจริง อย่างนี้ก็ไม่คุ้ม
$$- - - - - - - - - - - - - - -- - - - - - - - - - - - - - - $$
ของแถม
................. เดี๋ยวนี้ พอเติมน้ำมันแล้วมีของแถมให้แทบทุกปั๊ม ของแถมมักให้เป็นช่วงๆ ตามจำนวนเงินที่เติม เช่น ทุกๆ 200 บาท ทุกๆ 500 บาท เป็นต้น กรณีนี้เราก็คงพิจารณาว่าปั๊มไหนให้ของแถมที่เป็นประโยชน์กับเรามากกว่า ถ้าของที่แถมมาไม่รู้จะเอาไปใช้ทำอะไร อย่างนี้ก็เหมือนเราไม่ได้อะไรเลย แถมยังต้องมาวางให้รกที่บ้านอีก เลือกปั๊ม ที่ให้ของแถมตรงกับความต้องการ และ เติมน้ำมันให้พอดีกับช่วงเงินที่ปั๊มให้ของแถม
$$- - - - - - - - - - - - - - -- - - - - - - - - - - - - - - $$
91 หรือ 95
..................รถยนต์ของท่าน ถ้าผู้ผลิตระบุว่าเครื่องยนต์สามารถใช้น้ำมัน 91 ได้ และท่านยังเติม 95 อยู่ แบบ นี้ก็ไม่คุ้มค่าแน่นอน เพราะท่านจะไม่ได้อะไรจากเงินที่เสียแพงขึ้นจากการเติมน้ำมัน 95 เลย ตัวเลข 95 หรือ 91 หมายถึง หมายเลขออกเทน ของน้ำมัน แสดงถึงความสามารถในการทนต่อแรงอัดในกระบอกสูบ ตัวเลขสูงกว่าก็ทน ได้มากกว่า ไม่ใช่ดัชนีที่ชี้ว่าน้ำมันอันไหนจะให้พลังงานมากกว่ากัน
$$- - - - - - - - - - - - - - -- - - - - - - - - - - - - - - $$
..........................ผู้เขียนหวังว่าข้อมูลและความเห็นที่ได้กล่าวมาข้างต้น...จะเป็นประโยชน์ต่อท่านผู้อ่านได้นำไป คิดพิจารณาว่าจะสามารถเติมน้ำมันให้คุ้มค่ายิ่งขึ้นอย่างไรได้บ้าง...... คงยังไม่มีใครสามารถบอกได้ว่าทำอย่างไร แบบไหนแล้วจะช่วยให้ ประหยัดขึ้นกี่บาทกี่สตางค์ หรือ จ่ายมากขึ้นกี่บาทกี่สตางค์ เพียงแต่มองดูปัจจัยหลายๆ ด้าน ..ดูข้อจำกัดของตัวเอง แล้วก็ประเมินว่าเราควรเลือกปฏิบัติอย่างไร
บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ
ความคิดเห็น (2)
1 |
จะทำให้น้ำมันบูด และจะทำให้หัวฉีดอุดตันจริงหรือ