ตามหัวเรื่อง การขับผ่านน้ำท่วมขังอย่างปลอดภัย ผู้ขับขี่หลายๆท่าน คงมีโอกาสได้พบเจอกับเหตุการณ์ ตรงที่ว่า เมื่อขับผ่านพื้นที่ที่มีน้ำท่วมขัง จะทำการชะลอรถ แล้วค่อยๆเคลื่อนตัวอย่างช้าๆ ซึ่งเป็นเรื่องที่ดีแต่ทางผู้เขียนเชื่อว่า มีอยู่ไม่น้อยที่ผู้ขับขี่ จะไม่ทำการลดความเร็วของรถ นั่นอาจจะเป็นเพราะว่ามีความมั่นใจในการขับขี่ ตลอดจนประสบการณ์ที่เคยผ่านมา
การขับขี่ผ่านน้ำที่ท่วมขังแน่นอนที่สุดจะมีความไม่ปลอดภัย เรามาทำความเข้าใจกันนะครับว่า ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น หากเราขับผ่านพื้นที่ที่มีน้ำท่วมขัง เมื่อล้อรถยนต์มีการสัมผัสกับน้ำที่ขัง ทำให้น้ำที่ขังมีการกระจายตัวขึ้นมาที่กระจกบังลมหน้าอย่างมาก หรือแม้กระทั่งทั่วทั้งคันของรถยนต์ ส่งผลให้เกิดความไม่ปลอดภัย ผู้ขับขี่หรือผู้โดยสาร ก็ไม่สามารถมองเห็นเส้นทางได้ในขณะนั้น ไหนจะเรื่องของการที่รถยนต์เสียการควบคุม เรียกได้ว่า อันตรายอย่างยิ่งยวด ดังนั้น เพื่อความปลอดภัยของการขับขี่ในลักษณะดังกล่าวหรือสถานการณ์แบบนั้น มีปัจจัยอะไรที่สำคัญ ตลอดจนสิ่งที่มีความเกี่ยวข้องนั้น มีอะไรบ้าง มาทำความเข้าใจกันเลยครับ
อันดับแรกที่จะกล่าวถึง คือ รถยนต์ หมายความว่า สภาพของรถยนต์โดยรวมทั้งหมด ตลอดจนชิ้นส่วนต่างๆ อุปกรณ์ต่างๆ อยู่ในสภาพที่พร้อมใช้มีความสมบูรณ์ สำหรับกรณีที่ขับขี่ผ่านน้ำท่วมขัง ชิ้นส่วนที่สำคัญมากๆ คงหนีไม่พ้น เรื่องของยางรถ สภาพของยางรถยนต์มีผลกระทบโดยตรงต่อการขับขี่ เพราะตัวยางเป็นตัวบ่งชี้ถึงประสิทธิภาพของการรีดน้ำออกจากร่องยาง จะดีหรือไม่ดี มีประสิทธิภาพมากน้อยเช่นไร ขึ้นอยู่กับยาง หากเป็นยางที่ใหม่ คงอาจจะไม่เกิดปัญหามากนัก (ขับผ่านน้ำขัง) แต่ถ้าเป็นยางเก่า ดอกยางสึกหรอระดับหนึ่งถึงมาก มากไปกว่านั้นยังมีความแข็งเพิ่มขึ้นอีก ประสิทธิภาพของการรีดน้ำย่อมลดลงตามลำดับ
อันดับต่อมา คือ ผู้ขับขี่ ซึ่งมีหน้าที่ ควบคุมรถยนต์ ให้ไปในทิศทางที่ต้องการ พร้อมกับการขับขี่ให้มีความปลอดภัยอีกด้วย ในกรณีที่จะต้องขับผ่านพื้นที่ที่มีน้ำท่วมขัง แล้วต้องการขับรถผ่านโดยไม่ลดความเร็วหรือชะลอความเร็ว ผู้ขับขี่จะต้องมีการประเมินสถานการณ์ของเส้นทางข้างหน้า เช่น ปริมาณของน้ำที่ท่วมขัง กว้าง,ยาว,ลึก ขนาดไหน เส้นทางเป็นหลุมเป็นบ่อหรือไม่ เป็นต้น ถ้าเป็นเส้นทางที่ใช้อยู่เป็นประจำก็คงจะวิเคราะห์ได้ แต่ถ้าเป็นพื้นที่ไม่ชินทาง ขอให้ระวังไว้ด้วยครับ ช่วงที่กล่าวมา เป็นการกล่าวถึงช่วงเวลาการขับขี่ก่อนถึงน้ำท่วมขังนะครับ
อันดับต่อไป ก็มาถึงสิ่งที่ต้องพึงปฏิบัติ ในขณะที่ขับผ่านน้ำท่วมขัง (หากไม่กระทำอาจทำให้มีอันตรายอย่างมาก) หากผู้ขับขี่มีความต้องการขับผ่านพื้นที่ ที่มีน้ำท่วมขัง ให้เตรียมตัวและทำการเปิดอุปกรณ์บางอย่าง และสิ่งนั้นก็คือ “เปิดปัดน้ำฝน” ให้มีการทำงานอย่างแรง (สุด) ไปเลย
อาจจะมีคำถามว่า “ต้องทำอย่างนี้ด้วยหรือ” ก็เพราะว่า จังหวะที่เราขับผ่านน้ำที่ท่วมขัง น้ำจะกระเซ็นขึ้นมาที่กระจกบังลมหน้ารวมถึงตัวรถยนต์ด้วย ทำให้การมองเส้นทางข้างหน้า ไม่สามารถมองเห็นได้เลย ดังนั้นการเปิดปัดน้ำฝนมีความสำคัญอย่างมากครับ นอกจากการเปิดปัดน้ำฝนแล้วนั้น ผู้ขับขี่จะต้องทำการจับพวงมาลัยให้แน่นอย่างมั่นคง ถ้าไม่ปฏิบัติ รถยนต์จะเสียการทรงตัว จะมีอาการว่ารถถูกดึงเป็นผลจากน้ำที่ท่วมขัง ตามที่หลายๆท่านเข้าใจว่า รถยนต์เกิดการเหินน้ำ สามารถที่จะหลุดออกนอกเส้นทางได้นะครับ ตามที่กล่าวมาทั้งสองสิ่ง (เปิดปัดน้ำฝน+จับพวงมาลัย) มีความสำคัญมากๆครับ เกือบลืมไป มีอีกอย่างนะครับ ที่อาจจะต้องห้ามกระทำ คือ การเหยียบเบรกในขณะที่รถวิ่งผ่านน้ำที่ท่วมขัง (ยางดี,ผู้ขับขี่เก่ง) เพราะการเหยียบเบรก รถยนต์อาจเกิดการหมุนเหวี่ยง ซึ่งมีอันตรายสูงนำพาเกิดอุบัติเหตุได้นะครับ
สุดท้ายที่จะกล่าวถึงในตอนท้ายนี้ก็ ผู้ร่วมใช้เส้นทาง การขับผ่านน้ำท่วมขัง ขอให้คำนึงถึงผู้ร่วมใช้เส้นทางด้วยนะครับ เพราะขณะที่เราขับผ่านน้ำที่ท่วมขัง ไม่ว่าจะเป็น ผู้คนที่อยู่ริมเส้นทาง, รถยนต์ที่วิ่งอยู่บนเส้นทาง และอื่นๆ หากเราขับขี่อย่างไม่ปลอดภัย ไม่มีมารยาท ความไม่พอใจคงเกิดขึ้นกับบุคคลเหล่านั่นแน่ๆครับ
ท้ายนี้ขอให้ท่านผู้อ่านทุกท่าน ร่ำรวย แข็งแรง ทุกๆท่านครับ ขอขอบคุณและสวัสดีครับ