“ ฝนตก ” ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ขณะขับรถ เมื่อฝนตกการขับขี่ จะต้องใช้ความระมัดระวังเพิ่มมากขึ้นในทุกๆ สภาวะของการขับขี่ ช่วงระหว่าง เดือนพฤษภาคม – เดือนกันยายนของทุกปี หรือ ในบางครั้งเดือนอื่นฝนก็ตก เมื่อเป็นเช่นนี้ การใช้เบรกในการชะลอ หรือ หยุดรถ จึงมีความจำเป็น เพราะจะต้องเหยียบเบรกแทบทั้งสิ้น
เมื่อฝนตกน้ำจากน้ำฝนที่ตกลงมา จะเข้าไปโดนในส่วนของเบรก เช่น ผ้าเบรก ,จานเบรก เมื่อชิ้นส่วนดังกล่าวโดนน้ำนอกจากจะเปียกแล้ว ก็ยังทำให้ประสิทธิภาพการเบรกด้อยลง กล่าวคือ เบรกจะลื่น เบรกจะไม่ค่อยอยู่ ถ้าเป็นเบรกแบบดีสเบรกก็จะโดนน้ำง่าย แต่ถ้าเป็นเบรกแบบดรัมเบรกก็จะโดนน้ำยาก แต่ถึงอย่างไร การที่จะหลีกเลี่ยงไม่ให้ชิ้นส่วนเบรกโดนน้ำเป็นไปไม่ได้เลย เพราะฉะนั้นผู้ขับขี่ จะต้องคำนึงถึงปัจจัยดังกล่าวด้วย
ปัญหาเบรกไม่อยู่ จะไม่เกิดขึ้น ถ้าปฏิบัติดังนี้ ขณะขับขี่รถยนต์แล้วฝนตก เมื่อต้องการใช้เบรกให้ค่อยๆ เหยียบเบรก อย่า ! เหยียบเบรกแรง การเหยียบเบรกแรง นอกจากเบรกไม่อยู่แล้ว ยังทำให้เสียการทรงตัว ไม่สามารถบังคับพวงมาลัยได้ ( ยกเว้นรถยนต์ที่มีระบบเบรก ABS ) ดังนั้น ให้เหยียบเบรกแบบเบาๆ และผู้ขับขี่จะต้องกะระยะการเบรกจากรถยนต์คันหน้าและรถยนต์คันหลัง ให้มีระยะห่างพอสมควร เท่านี้การเบรกก็จะปลอดภัย
ข้อแนะนำเพื่อเพิ่มความปลอดภัยมากขึ้น
ถ้ารถยนต์ของท่านมีไฟตัดหมอกหน้า ( สปอร์ตไลท์ ) และไฟตัดหมอกหลัง ยามฝนตกหนักจนถึงฝนตกหนักมาก ควรเปิดอุปกรณ์ดังกล่าวด้วย เพื่อความปลอดภัยของตัวท่านเองและผู้ร่วมใช้เส้นทางอีกด้วย
หมายเหตุ
รถยนต์โตโยต้าที่มีอุปกรณ์ “ ไฟตัดหมอกหลัง ” ที่ติดตั้งมาจากโรงงานประกอบ ได้แก่
• โตโยต้า CAMRY มีทั้งหมด 2 ข้าง
• โตโยต้า VIOS มีทั้งหมด 2 ข้าง
• โตโยต้า ALTIS มีทั้งหมด 1 ข้าง อยู่ทางด้านขวา
• โตโยต้า YARIS มีทั้งหมด 1 ข้าง อยู่ทางด้านขวา
ขอบคุณภาพ
thaicarlover.com