ผลิตภัณฑ์ “COROLLA” ที่ครองใจคนทั่วโลก รุ่นแล้ว รุ่นเล่า นับตั้งแต่มีการเปิดตัวเป็นต้นมา สามารถตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคอย่างสูงสุดเรื่อยมา บัดนี้ COROLLA ใหม่ “ก้าวสู่ระดับรถซีดานที่เหนือกว่าเดิม” โดยมีการพัฒนาทางด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น
ใน COROLLA ใหม่ มีอะไรกันบ้าง เรามาดูข้อมูลกันเลยครับ
ความยาวทั้งหมดของตัวรถ 4,540 มิลลิเมตร เพิ่มขึ้นจากรุ่นก่อน 10 มิลลิเมตร เพียงแค่ 10 มิลลิเมตร ก็สามารถทำให้ห้องโดยสารที่มีการออกแบบอย่าง “ลงตัว” ทำให้มีความสบายเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ความกว้างของตัวรถก็เพิ่มขึ้น ถึง 55 มิลลิเมตร ทำให้ห้องโดยสารมีความโอ่โถงมากขึ้น เบาะนั่งด้านหลังสามารถนั่งได้ 4 คน โดยปิดประตูหลังได้อย่างสบาย ส่วนด้านความสูงนั้นลดลง 15 มิลลิเมตร ทำให้การยึดเกาะและการทรงตัวจองรถดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเจน ฐานล้อยาว 2,600 มิลลิเมตร ระยะห่างล้อหน้าและล้อหลังที่กว้างขึ้น โดยเพิ่มขึ้นที่ล้อหน้า 50 มิลลิเมตร ล้อหลัง 75 มิลลิเมตร ในรุ่น 1.6 ลิตร ส่วนในรุ่น 1.8 ลิตร นั้น ล้อหน้ากว้างขึ้น 40 มิลลิเมตร ล้อหลัง 65 มิลลิเมตร ซึ่งทำให้การยึดเกาะมีความมั่นคงดีขึ้นเป็นอย่างมาก รัศมีวงเลี้ยวเพียง 5.3 เมตร เท่านั้น ซึ่งทำได้ดีกว่ารถยนต์ในระดับเดียวกัน
ทางด้านเครื่องยนต์ เป็นเครื่องยนต์ที่มีระบบ VVT- i ซึ่งระบบนี้ ช่วยให้เครื่องยนต์ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและสมบูรณ์ที่สุด กล่าวคือ จะได้พละกำลังเครื่องยนต์ที่ดี สูญเสียเชื้อเพลิงน้อย ตอบสนองทุกอัตราเร่ง และมลพิษน้อย ซึ่งจะเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพราะปัจจุบันหลายหน่วยงานรณรงค์เกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมทั่วโลก เครื่องยนต์ที่บรรจุใน COROLLA ใหม่นั้น เป็นตระกูลเดิม แต่มีการปรับปรุงหลายอย่างเช่น กล่องควบคุมก็คล้ายกับใน CAMRY ระบบคอมพิวเตอร์ที่ใช้ก็ขนาด 32 บิท จำนวนรูของหัวฉีดก็ 12 รู การฉีดจะเป็นฝอยละออง เพื่อการเผาไหม้อย่างสมบูรณ์สูงสุด ถึงแม้แรงม้าและแรงบิดลดลง ในรุ่น 1.8 ลิตร จาก 136 ps เป็น 132 ps แรงบิดจาก 171 N.M เป็น 170 N.M ในรุ่น 1.6 ลิตร จาก 110 ps เป็น 109 ps แรงบิดจาก 150 N.M เป็น 145 N.M การใช้งานจริงนั้นหลายท่านอาจจะมองข้ามไปว่า แรงม้าและแรงบิดที่สูงสุดนั้น ไม่สามารถใช้งานได้ตลอดเวลาซึ่งที่แน่ๆ ใน COROLLA ใหม่ สามารถใช้น้ำมันเชื้อเพลิง “E20” ได้อย่างสบาย
ระบบขับเคลื่อนและระบบรองรับ การส่งกำลังมีเกียร์ธรรมดา 5 SPEED ให้เลือกในรุ่น 1.6 ลิตร เกรด J และ เกรด E ส่วนเกียร์อัตโนมัติ SUPER ECT 4 SPEED มีให้เลือกในทุกเกรด ช่วงล่างด้านหลังเป็นแบบ TORSION BEAM ช่วงล่างแบบนี้นั้น มีความแข็งแรงที่สูงมาก การบำรุงรักษาต่ำ แต่เต็มเปี่ยมไปด้วยประสิทธิภาพ หากมีการเบรกแบบรุนแรงจนหน้าทิ่ม ช่วงล่างด้านหลังจะมีการยกตัวอย่างน้อยมาก จะฝืนหรือพยายามให้อยู่พื้นที่ระนาบมากที่สุด ทางด้านชุดเบรกก็เป็นแบบดีสเบรกทั้ง 4 ล้อ ทุกรุ่นทุกเกรด พร้อมกับจานเบรกสำหรับล้อขนาด 15 นิ้ว ทั้งล้อหน้าและล้อหลัง ส่วนด้านล้อและยางนั้นขนาดแตกต่างกันไปในแต่ละเกรดรุ่น ในรุ่น 1.6 ลิตรขนาดของยาง 195/65 R15 ส่วนในรุ่น 1.8 ลิตร ขนาดของยาง 205/55 R16 ลวดลายของกระทะล้อก็แตกต่างกันในรุ่น 1.8 ลิตร มี 10 ก้าน รุ่น 1.6 ลิตร จะมี 7 ก้าน ดูแล้วความสวยงามไม่แพ้กัน ทางด้านระบบบังคับเลี้ยวก็เป็นแบบไฟฟ้า (EPS) ตัดปัญหาเรื่องการบำรุงรักษาและการกินกำลังจากเครื่องยนต์ นอกจากนั้น การควบคุมพวงมาลัยเป็นไปอย่างมีเสถียรภาพมากที่สุด เพราะจะแปรผันหรือสัมพันธ์กับความเร็วของรถยนต์ส่วนที่พวงมาลัยสามารถทำอะไรได้บ้างนั้น ต้องอ่านต่อไปในส่วนของอุปกรณ์ภายในครับ
อุปกรณ์ภายนอก เริ่มจาก ไฟหน้าในรุ่น 1.8 G จะเป็นแบบ HID มาพร้อมกับการปรับตั้งอัตโนมือ ไม่ใช่แบบอัตโนมัติครับ จะมีสวิทช์ปรับอยู่บริเวณคอนโซลทางด้านขวาของพวงมาลัย ส่วนในรุ่นอื่นไฟหน้าแบบฮาโลเจน หากต้องการไฟตัดหมอกหน้า จะมีอยู่ในรุ่น 1.8 ลิตร ทั้งเกรด E และ G ไฟท้ายและไฟเบรกดวงที่ 3 เป็นแบบ LED เท่าที่นับมาของผู้เขียน ไม่นับรวมไฟเบรกดวงที่ 3 ก็ข้างละ 12 ดวง สองข้างก็ 24 ดวง กระจกมองข้าง จะมาพร้อมกับไฟเลี้ยวทุกเกรดรุ่น ในรุ่น 1.6 J เกียร์ธรรมดา กระจกมองข้างจะปรับด้วยไฟฟ้า แต่ในรุ่นอื่น จะปรับและพับเก็บด้วยไฟฟ้า ที่ปัดน้ำฝนในรุ่น 1.6 J เกียร์ธรรมดา จะเป็นแบบทั่วไป ในรุ่นอื่นจะเป็นแบบหน่วงเวลา แต่ในรุ่น 1.8 G นั้น จะเป็นแบบอัตโนมัติ ถามว่าเป็นอย่างไร ก็เหมือนกับที่บรรจุอยู่ใน CAMRY นั่นเอง การฉีดน้ำล้างกระจกจะเป็นฝอยละอองเต็มพื้นที่ของกระจกบังลมหน้าในทุกเกรดทุกรุ่น ก็จะเหมือนใน CAMRY
อุปกรณ์ภายใน ที่มีอยู่ภายในรถ เริ่มจาก พวงมาลัยที่ต่อจากระบบขับเคลื่อนและระบบรองรับ สามารถปรับสูง-ต่ำได้ เท่านั้นยังไม่พอ สามารถปรับใกล้-ไกล ได้อีกในทุกเกรดทุกรุ่น เพื่อให้เหมาะสมกับสรีระของผู้ขับขี่ได้มากที่สุดที่พวงมาลัย สามารถควบคุมเครื่องเสียง และจอแสดงข้อมูลการขับขี่ (MID) เหมือนที่อยู่ในรถยนต์ CAMRY อย่างใดอย่างนั้น จะมีอยู่ในรุ่น 1.8 ลิตร วัสดุที่ใช้หุ้มพวงมาลัย ในรุ่น 1.6 ลิตร เป็นยูรีเทนแบบ 4 ก้าน ในรุ่น 1.8 ลิตร เป็นแบบหุ้มหนัง 4 ก้าน จะไม่มีพวงมาลัยลายไม้ ในรุ่น TOP 1.8 G นั้น จะมีชุดควบคุมความเร็วอัตโนมัติ CRUISE CONTROL ให้ หากต้องการมาตรวัดแบบ OPTITRON คงจะต้องเลือกในรุ่น 1.8 ลิตร ระบบ JAMPROTECTION ถูกติดตั้งในทุกเกรดทุกรุ่น (ด้านคนขับเท่านั้น) ระบบ IMMOBILIZER จะมีอยู่ในทุกเกรด ยกเว้น 1.6 J เกียร์ธรรมดา แต่ถ้ามีกุญแจรีโมทด้วยก็คงต้องรุ่น 1.8 ลิตร ทางด้านหัวคันเกียร์หุ้มหนัง ก็รุ่น 1.8 ลิตร ในรุ่น 1.6 ลิตร เป็น PVC
ทางด้านเครื่องเสียง สามารถเล่น AM/FM, CD (MP3, WMA) มาพร้อมกับระบบ ASL ซึ่งไม่ต้องปรับแต่งความดังของเครื่องเสียง หากรถยนต์วิ่งด้วยความเร็วที่เพิ่มขึ้น ระบบจะทำงานให้เองโดยอัตโนมัติ เพียงแค่เราตั้งไว้ตามความต้องการเท่านั้น ในทุกเกรดทุกรุ่น ในรุ่น 1.6 ลิตร เล่น CD ได้ 1 แผ่น จะมี 4 ลำโพง ในรุ่น 1.8 ลิตร เล่น CD ได้ 6 แผ่น จะมี 6 ลำโพง ระบบปรับอากาศรุ่น1.8 ลิตร เป็นแบบอัตโนมัติ ในรุ่น 1.6 ลิตร เป็นแบบธรรมดา แต่สวิทช์ควบคุมนั้นดูทันสมัย เข้ากับยุคสมัยมากขึ้น
ด้านเบาะนั่ง ก็หรูหราด้วยเบาะหนัง ในรุ่น 1.6 G, 1.8 E และ1.8 G ถ้าหากต้องการแบบปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง มาพร้อมกันชุดดันหลังไฟฟ้าช่วยผ่อนคลายเมื่อเดินทางไกล ฝั่งด้านผู้ขับขี่ ก็คงเลือกในรุ่น 1.8 G (TOP) ทางเบาะนั่งด้านหลัง ก็จะมีที่วางแขนพร้อมที่วางแก้วน้ำ บวกกับการพับเบาะแยก 60:40 แต่จะอยู่ในรุ่น 1.8 ลิตร ไม่ว่าจะเกรด E หรือ G ทางด้านคอนโซลกลางวางสิ่งของได้หลากหลาย ที่เท้าแขนที่คอนโซลกลางสามารถเลื่อน เข้า-ออก เหมือน CAMRY ได้ด้วย พื้นที่วางเท้าด้านหลังก็ลดต่ำลง เพื่อความสะดวกแก่การ เข้า-ออก และการนั่ง
ห้องโดยสารเงียบขึ้น เพราะมีการจัดวางวัสดุซับเสียงไว้รอบคัน ทำให้คุณมีความสุขตลอดการเดินทาง มากยิ่งขึ้น การไว้สิ่งของท้ายรถ ก็จัดวางได้มากมาย เหนือกว่ารถยนต์ในระดับเดียวกัน สามารถจุได้ถึง 475 ลิตร บรรจุถุงกอล์ฟได้ถึง 4 ใบ อย่างไม่มีปัญหา ไม่คิดรวมกับการที่พับเบาะหลังลงนะครับ
ต่อไปเรามาดูด้านความปลอดภัยกันบ้าง ระบบป้องกันล้อล็อกตายหรือระบบ ABS และระบบกระจายแรงเบรก (EBD) มาพร้อมกับระบบ เสริมแรงเบรก (BA) จะเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน ตั้งแต่รุ่น1.6 E จนถึง รุ่น 1.8 G (TOP) ในรุ่น 1.6 J ไม่มีให้ ส่วนอุปกรณ์ควบคุมเสถียรภาพของรถ หรือ VSC กับระบบป้องกันล้อหมุนฟรี หรือ TRC จะอยู่ในรุ่น TOP เท่านั้น
โครงสร้างนิรภัย GOA ของโตโยต้า ได้กำหนดเป็นมาตรฐานในทุกเกรดรุ่น คานนิรภัยประตูทั้ง 4 บานรอบห้องโดยสาร ถุงลมนิรภัยคู่หน้า ในรุ่น 1.6 G, 1.8 E และ 1.8 G มาพร้อมกับเข็มขัดนิรภัยแบบรั้งกลับและผ่อนแรงอัตโนมัติ ทางด้านเบาะหลังได้ถูกพัฒนาให้หรูหราขึ้น ไม่ว่าจะเป็นหมอนรองศีรษะที่เหมือน CAMRY ตรงที่นั่งตรงกลาง พร้อมกับเข็มขัดนิรภัย แบบ 3 จุด ซึ่งก่อนหน้านี้ไม่เคยมีมา ทำให้คนนั่งตรงกลางมีความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น
ด้านรายการอื่นๆ ที่อยากนำเสนอ
เพื่อความปลอดภัยและการใช้งานอย่างถูกต้อง ใน COROLLA ใหม่ขึ้นนั้น จะมีการแสดงสถานะ หรือ สภาวะของรถยนต์ บนมาตรวัด ให้ผู้ขับขี่ทราบว่า มีสิ่งใดที่เกิดขึ้นบ้าง ซึ่งยังไม่เคยมีมาในรถยนต์ระดับเดียวกัน
ดังนั้น ผู้ขับขี่ จะมีความมั่นใจในรถยนต์และการขับขี่มากยิ่งขึ้น ไม่เพียงแต่การบำรุงรักษาที่ต่ำแล้ว ความคงทนในชิ้นส่วนต่างๆ ยังทำให้รถยนต์ โตโยต้า “COROLLA” ใหม่ ใช้งานได้อย่างคุ้มค่าสูงสุด
เขาบอก เขาว่า COROLLA น่าใช้มาก
แผนกเทคนิคและฝึกอบรม
บริษัท พิธานพาณิชย์ จำกัด (กรุงเทพฯ)