ในยุคนี้ใครๆก็กล่าวถึงเทคโนโลยี่ไฮบริด ที่เราๆได้รู้และได้ยินและได้เห็นกันบ่อยๆคงหนีไม่พ้นในเรื่องของการโฆษณาสินค้าต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นระบบปรับอากาศ, เครื่องซักผ้า,และอื่นๆ แต่ถ้าในเรื่องของรถยนต์ คงเป็นใครไม่ได้นอกจาก เทคโนโลยี่ไฮบริดจากโตโยต้า
ณ ปัจจุบันทางโตโยต้าได้มีการผลิตและจำหน่ายรถยนต์ประเภทไฮบริดด้วยกันหลายรุ่นหลายแบบ เป็นจำนวนหลายล้านคัน เป็นที่ทราบกันอยู่แล้วว่ารถยนต์ไฮบริดจากโตโยต้า ยอดขายเป็นอันดับที่หนึ่งทั่วโลก สำหรับในประเทศไทย ได้มีการประกอบและมีการจำหน่ายภายในประเทศไทย ซึ่งได้รับความนิยมจากคนไทยได้ไม่น้อยเลยทีเดียว ถือว่าคนไทยได้ใช้ของดี ไม่แพ้ชาติใดในโลก
จากเจตนารมณ์ที่แน่วแน่ของโตโยต้า ได้กำหนดให้รถยนต์ เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากที่สุดและให้มีการประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงให้มากที่สุดแล้วนั้น นอกจากนั้นยังมีการพัฒนาให้ถูกใจผู้บริโภคมากที่สุดด้วย หลังจากที่มีการจำหน่ายไฮบริดรุ่นพี่อย่างคัมรี่และพริอุสแล้ว บัดนี้เป็นเวลาอันสมควรแล้วที่ บริษัทโตโยต้ามอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด ได้นำเข้าและมีการจำหน่ายอย่างเป็นทางการทุกโชว์รูมตัวแทนจำหน่ายรถยนต์โตโยต้าทั่วประเทศ เป็นรถยนต์ไฮบริดขนาดเล็ก ที่มีชื่อเรียกว่า PRIUS C ต้องขอบอกเสียก่อนเลยว่า มีความประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงที่เหนือชั้นจริงๆ
มาทำความเข้าใจกันว่า prius c สามารถสื่อให้เห็นถึงสิ่งใดได้บ้าง มีสมรรถนะที่เหมาะสมกับการใช้งานในสังคมเมืองได้เป็นอย่างดี ได้แก่
Compact มีความกะทัดรัด
Clean มีการปลดปล่อยไอเสียที่น้อยมาก
Clever มีความอัจฉริยะในตัวตน
City มีความทันสมัยแบบคนเมือง
จุดเด่นที่มองดูแล้วสะกดทุกสายตา เริ่มจาก ไฟหน้าแบบโคมดำไฟแอลอีดี ที่ให้ความประหยัดพลังงานทางไฟฟ้าเป็นอย่างดี แถมมาพร้อมกับมีการฉีดน้ำล้างไฟหน้า ที่บริเวณกันชนหน้า ไฟเลี้ยวกับไฟตัดหมอกหน้าจะอยู่ใกล้กันดูโฉบเฉี่ยวได้ไม่น้อยเลยทีเดียว ทางด้านข้างที่เป็นล้อขับเคลื่อนรถยนต์มีขนาด 185/60 R 15 กระจกมองข้างมีการปรับและพับเก็บด้วยไฟฟ้าพร้อมไฟเลี้ยว ไฟท้ายโคมดำมีการดีไซน์ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะ หลอดไฟแบบแอลอีดี และยังมีไฟตัดหมอกหลังให้ด้วย สิ่งที่เห็นว่าเป็นรถยนต์ที่ไม่ใหญ่แต่ก็ให้อุปกรณ์ที่เหนือระดับ คือ ระบบ smart-entry มีให้ถึง 3 จุด เพิ่มความสะดวกสบายและความทันสมัยเข้าไว้ด้วยกัน
ไปดูกันต่อที่หัวใจของรถยนต์ เครื่องยนต์ใช้ขนาด 1,497 cc 4 สูบ 16 valve DOHC vvt-i แรงม้าที่ได้เท่ากับ 54 kw ( 73 ps ) ที่ 4,800 รอบต่อนาที แรงบิดที่ได้ 111 n-m ที่ 4,000 รอบต่อนาที ทางด้านมอเตอร์ไฟฟ้าเป็นแบบมอเตอร์ซิงโครนัสแม่เหล็กถาวร ให้กำลัง 45 kw ( 61 ps ) แรงบิด 169 หากรวมกันแล้วได้กำลังถึง 74 kw ( 100 ps ) ไม่เฉพาะตัวเครื่องยนต์เท่านั้น ที่ทำให้การขับเคลื่อนเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ยังมีในส่วนของระบบส่งกำลังที่เป็นแบบ E-CVT ที่มีการถ่ายทอดกำลังเป็นไปอย่างต่อเนื่องและมีความนุ่มนวลเหนือชั้น
ภายในห้องโดยสารมีความสะดวกสบาย ความบันเทิงครบครัน เครื่องเสียงสามารถเชื่อมต่อ blutooth มีช่องต่อ AUX/USB หลากหลายความบันเทิงตามความต้องการ การออกแบบปุ่มสัมผัสต่างๆ นอกจากที่มีความล้ำสมัยแล้วยังสะดวกต่อการใช้งานอีกด้วย ที่พวงมาลัยสามารถควบคุมสิ่งต่างๆที่หลากหลายเช่นกัน เพียงการสัมผัสเท่านั้นซึ่งจะเหมือนกับพริอุสไฮบริด การสตาร์ทเครื่องยนต์ ( สถานะพร้อมขับ ) ก็จะมีปุ่ม push start เหมือนกับรถยนต์ระดับหรู มองต่ำมาทางด้านซ้ายมือบริเวณเกียร์ จะมีปุ่มของ shift lock ให้มาพร้อมเพื่อการจอดรถที่สามารถเข็นได้ มีสิ่งที่อลังการงานสร้างอีกอันหนึ่งเห็นจะเป็นมาตรวัด จริงอยู่ว่าสัญลักษณ์ต่างๆก็เหมือนกับรถยนต์ทั่วไป แต่สำหรับรถยนต์คันนี้ prius c คันนี้นั้นจะมีจอกราฟฟิกสีขนาด 3.5 นิ้ว สามารถแสดงค่าการทำงานต่างๆ เช่น ข้อมูลของการขับขี่, ผลคะแนนการขับขี่แบบประหยัด, แสดงผลของการใช้เชื้อเพลิง, การตั้งค่าการเปิด-ปิดหน้าจอ, แสดงผลการใช้งานในการขับเคลื่อน, และอื่นๆอีกมากมาย ซึ่งรายการต่างๆเหล่านั้นสามารถที่จะวิเคราะห์การใช้งานได้เป็นอย่างดี
ทางด้านของอุปกรณ์และสิ่งอำนวยความสะดวกรวมถึงระบบความปลอดภัย มีการบรรจุมาแบบเต็มเหนี่ยว ไม่ว่าจะเป็น HAC, ABS, EBD,BA, VSC, TRC, ทางด้านกุญแจจะมี IMMOBILIZER, มีถุงลมนิรภัยถึง 7 ลูก และอื่นๆอีก ทางด้านของสีที่มีจำหน่าย มีด้วยกันดังนี้ สีขาว, สีส้ม, สีเงิน, และสีดำ หากท่านผู้อ่านท่านใดมีข้อสงสัยสามารถสอบถามได้ที่เรา บริษัท พิธานพาณิชย์ จำกัด ( กรุงเทพฯ ) ที่ www.phithan-toyota.com หรือ callcenter โทร 029731268-9 และทุกช่องทางของเราได้ตามความต้องการครับ
รถยนต์อย่างนี้จะมีที่ไหน....ถ้าไม่ใช่โตโยต้า
แผนกเทคนิคและฝึกอบรม
บริษัท พิธานพาณิชย์ จำกัด ( กรุงเทพฯ )