รถยนต์ถือเป็นปัจจัยที่ 5 ที่ใช้สำหรับในการเดินทางหรือที่เราๆเข้าใจกันว่า เป็น “ พาหนะ ”
การที่ใช้รถยนต์สำหรับการเดินทางหากเป็นเช่นนั้นอย่างเดียวไม่ จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีการบำรุงรักษาควบคู่กันไปอีกด้วย ถึงแม้ว่าจะไม่ค่อยจะได้ถูกใช้งานก็ตาม การที่ได้ซื้อรถยนต์นั้นก็เพื่อการใช้งานคงเป็นไปไม่ได้ที่จะจอดไว้เฉยๆหรือมีการปล่อยปละละเลยกันนะครับ ทางผู้ผลิตรถยนต์ได้วิเคราะห์มาเป็นอย่างดีแล้วว่า การที่มีการบำรุงรักษาตรงตามระยะที่กำหนด จะช่วยให้รถยนต์มีความสมบูรณ์พร้อมทุกเวลาของการใช้งาน จึงถือเป็นเรื่องที่จำเป็นครับ จึงได้กำหนดระยะเวลา(เดือน) กับระยะทาง(กิโลเมตร) ไม่ว่าจะเป็นระยะเวลาใดถึงก่อนก็ตาม จะต้องมีการเปลี่ยน, การตรวจเช็ก, การปรับแต่ง และอื่นๆ ดังนั้นท่านเจ้าของรถไม่ควรละเลย ถึงแม้ว่าจะใช้รถยนต์น้อยก็ตาม
การใช้รถยนต์ได้อย่างเต็มที่และถูกต้องจะเกิดความคุ้มค่าอย่างยิ่ง แต่ก็มีอยู่ไม่น้อยเหมือนกันตรงที่ว่า มีรถยนต์ใช้ในยามจำเป็นเท่านั้นหรือเอาไว้สำหรับเดินทางยามพักผ่อนท่องเที่ยว แต่ถึงกระนั้นในเมื่อไม่ใช้ก็ได้มีการติดเครื่องยนต์เป็นประจำ การกระทำดังกล่าวถือว่าดีในระดับหนึ่งเท่านั้นแต่ไม่ได้ครอบคลุมถึงตัวรถยนต์ทั้งหมดครับ เพราะจะได้ในส่วนหลักของเครื่องยนต์เท่านั้น ส่วนประกอบอื่นๆหรือกลไกอื่นๆไม่ได้มีการทำงานแต่อย่างใดครับ ดังนั้น ทางที่ดีควรให้ชิ้นส่วนอื่นมีการเคลื่อนไหวบ้างก็จะดียิ่งขึ้นและนั่นเป็นสิ่งที่ท่านเจ้าของรถยนต์ไม่ควรมองข้ามกันนะครับ
สมมุติว่ามีรถยนต์แล้วไม่ค่อยได้ขยับเขยื้อนไปไหนสิ่งที่ถูกผลกระทบเป็นอันดับต้นๆคือ ยางล้อรถยนต์ เพราะเป็นส่วนที่น้ำหนักของรถยนต์ทั้งหมดกดทับเอาไว้ ทำให้โครงสร้างของยาง อาจจะมีการเสียรูปได้ ถัดมาก็พวกเกียร์และเฟืองท้าย, ลูกปืนต่างๆ,กลไกของระบบเบรก เป็นต้น
ขอยกตัวอย่างในระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ ซึ่งในคู่มือมีการระบุไว้ว่าจะต้องมีการใช้งานสำหรับขับเคลื่อนสี่ล้ออย่างน้อยเดือนละประมาณ 18 กิโลเมตร เพื่อให้กลไกมีการทำงานบ้าง ความสมบูรณ์จะได้พร้อมทุกสถานการณ์ บางท่านอาจมองว่าโอกาสใช้งานแทบไม่มีเลย ตรงจุดนี้ถึงแม้มิได้ถูกใช้งานแต่เมื่อครบระยะเวลาตามกำหนด ก็ต้องมีการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเกียร์และเฟืองท้ายอยู่ดีนั่นเองครับ
มีคำพูดกันอยู่บ่อยๆว่า “ใช้รถยนต์น้อยไปก็ไม่ดี ใช้รถยนต์มากไปก็โทรมเร็ว” อันนี้ต้องขอบอกว่าเป็นกฎแห่งธรรมชาติอยู่แล้วครับ สิ่งที่ท่านเจ้าของรถควรเอาใจใส่คือ ให้รถยนต์ของท่านมีการบำรุงรักษาตามที่กำหนด (ถ้าหากใช้คำว่านำรถเข้าซ่อมดูจะมีความรุนแรงเกินไปหน่อยครับ) ซึ่งรายละเอียดต่างๆศึกษาได้จากคู่มือการใช้รถหรือสามารถสอบถามไปยังศูนย์บริการรถยนต์นั้นๆก็ย่อมได้ครับ
ขอกลับไปยังผู้ที่ใช้รถยนต์น้อยหรือแทบจะจอดไว้เฉยๆ ต้องขอบอกว่า ควรจะมีการเคลื่อนไหวรถยนต์บ้าง หากพบสิ่งที่ผิดปกติจะได้ทราบไปในคราวเดียวกันนั่นเองครับ นอกจากนั้นถ้าเป็นไปได้ให้ตรวจสอบชิ้นส่วนและอุปกรณ์ต่างๆของรถยนต์ด้วย เอาเท่าที่สามารถที่กระทำได้ก็แล้วกัน เช่น มีสิ่งใดที่ผิดปกติที่อยู่ใต้ท้องรถยนต์บ้าง, มีสิ่งใดที่ผิดปกติบริเวณในห้องเครื่องยนต์บ้าง, รวมถึงระดับน้ำและน้ำมันต่างๆ ก็จะดียิ่งขึ้นครับ
เคยมีข่าวที่เกี่ยวกับรถยนต์มาเล่าสู่กันฟังดังนี้ครับ มีรถยนต์คันหนึ่งมีการจอดรถยนต์ไว้ไม่นานแล้วจู่ๆจะมีการใช้รถกลับพบว่า สตาร์ทไม่ติดทั้งๆที่ กำลังไฟของแบตเตอรี่ดี, มอเตอร์สตาร์ทก็ทำงานสมบูรณ์ดี, น้ำมันเชื้อเพลิงก็มี จึงได้ทำการตรวจเช็กลงลึกลงไปพบว่า เจ้ามดตัวน้อยๆมีการเข้าไปอยู่อาศัยกันเป็นจำนวนมากในตัวรีเลย์ ทำให้เกิดการลัดวงจรการต่อเนื่องของระบบจึงขาดหายไป มีอีกอันหนึ่งแต่อันนี้อาจจะหวาดเสียวหน่อยตรงที่ว่า มีสัตว์เลื้อยคลานประเภทงูมาหลับนอนในห้องเครื่องยนต์ กว่าจะทราบก็ต่อเมื่อมีการติดเครื่องยนต์แล้ว คือได้สังเกตเสียงแปลกๆเมื่อเปิดฝากระโปรงห้องเครื่องยนต์แทบผงะ ตามที่บอกว่าถ้าเป็นไปได้ให้ตรวจสอบบริเวณห้องเครื่องยนต์ก็ด้วยเหตุผลนี่แหละครับ อย่ามองข้ามกันนะครับ
สิ่งที่ท่านเจ้าของรถยนต์เอาใจใส่ดูแลรถยนต์อย่างสม่ำเสมอ ก็เพื่อรถยนต์ของท่านพร้อมใช้ทุกเวลา ดังนั้น รถยนต์ของท่านผู้อ่านไม่ว่าจะถูกใช้งานน้อยหรือมากก็ควรมีการบำรุงรักษาอย่างเคร่งครัดแล้วจะพบกับความสมบูรณ์ในรถยนต์ของท่านครับผม