phithan-toyota.com | พิธานพาณิชย์ จำกัด ศูนย์บริการและจำหน่ายรถยนต์โตโยต้าทุกรุ่น

บทความ

เพิ่มใหม่ ไฉไล กว่าเดิม กับ YARIS SEDAN ATIV และ HATCHBACK

หมวด บทความทั่วไป | จำนวนคนอ่าน 2414 ครั้ง | เมื่อ : 08 ต.ค. 2561 | ส่งบทความนี้ให้เพื่อน

     รถยนต์ประเภท ECO CAR ที่มียอดขายที่สูงในประเทศไทยคงเป็นใครไปไม่ได้ถ้าไม่ใช่ โตโยต้า ยาริส ในการเปิดตัว โฉมปัจจุบันครั้งแรก เมื่อปีที่แล้ว 2560 สำหรับรุ่นที่มาก่อน คือ YARIS SEDAN ATIV และถัดมาอีกประมาณ 2 เดือน ในปีเดียวกัน ทางโตโยต้าก็ได้เปิดตัว YARIS Hatchback ตามออกมาอีก เรียกได้ว่าตอบโจทย์ของรูปแบบตามการใช้งาน

การเปิดตัวทั้งสองรุ่นในปีที่แล้ว ได้มีการจำแนกเกรดรุ่นออกได้เป็นดังนี้
YARIS ATIV เกรดS, เกรดG, เกรดE, เกรดJ, และ เกรดJ Eco YARIS HB เกรดG, เกรดE, เกรดJ, และ เกรดJ Eco    สำหรับสีภายนอกของตัวรถนั้น จะมีสีที่เหมือนกันอยู่ 5 สี (ขาว,แดง, ดำ, เทา, บอร์น) ในทั้ง 2 รุ่น แต่มีสีเฉพาะรุ่น สำหรับ ATIV ได้แก่ สีน้ำเงินกับสีน้ำตาล สำหรับ HB ได้แก่ สีส้มและสีเขียว ทางด้านอุปกรณ์และสิ่งอำนวยความสะดวกนั้นมีความแตกต่างกัน ไปตามละเกรดรุ่น (ย่อย) ตามลำดับ หลังจากที่มีการเปิดตัวในปีที่แล้วมีบางคำถามที่ยังคาใจหรือข้อสงสัยทีเกิดขึ้นกับผู้ที่ให้ความสนใจในรถรุ่น ดังกล่าว ไม่ว่าจะเป็น ภายนอกในการจัดแต่งโทนสียังไม่ค่อยโดนใจเท่าไหร่ ภายในการจัดแต่งโทนสียังไม่ค่อยโดนใจเท่าไหร่, ความบันเทิงน่าจะมากกว่านี้ในรุ่นที่แพง, ทำไมไม่มีเบาะหนังบ้าง อะไรทำนองอย่างนี้เป็นต้น ไม่รอช้ากับเวลาที่ผ่านไป 1 ปี เศษ ทางโตโยต้า ได้มีการเพิ่มรุ่นใหม่ พร้อมกับการแต่งองค์ทรงเครื่องให้กับเจ้า Yaris ATIV และ HB ให้ตอบโจทย์ตามความต้องการของผู้บริโภค โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้ครับ YARIS ATIV  ซึ่งจะมีความแตกต่าง จากเกรดรุ่น S
ดังนี้ครับ  

เริ่มจากภายนอก (แตกต่างจากเกรด S)
  - กระจังหน้าด้านบน จากสีเดียวกับตัวรถ ก็จะเป็น สีดำเงา
  - กระจังหน้าด้านล่าง จากสีดำกึ่งเงา ก็จะเป็น สีดำเงา
  - วัสดุตกแต่งกรอบไฟตัดหมอก จากสีดำกึ่งเงา ก็จะเป็น สีดำเงา
  - ล้ออัลลอยด์ จากสีเงิน ก็จะเป็น ปัดเงา

 แบบทูโทน
ต่อกันที่ภายใน (แตกต่างจากเกรด S) ก่อนอื่น ขอชี้แจงในส่วนของโทนสีภายใน ที่มีจำหน่าย ณ.ปัจจุบัน
(ก่อนที่จะมีรุ่น S+) นั้นสามารถที่จะ เลือกโทนสีได้ ในเกรด G และ E ว่าต้องการสีอะไรระหว่างสีดำกับสีเบจแต่หลังที่มีการเพิ่มรุ่น S+ จะถูกยกเลิกสีเบจ จะมีเฉพาะสีดำเท่านั้น (ในทุกเกรดรุ่น) มาดูกันต่อว่า มีอะไรที่แตกต่างไปจากเกรดรุ่น S ดังต่อไปนี้
   - วัสดุตกแต่งแผงควบคุมเครื่องเสียงและเครื่องปรับอากาศ จากสีเงินเมทัลลิกพร้อมลายกราฟิกก็จะเป็นสีดำเปีย โนแบล็ค
  - วัสดุตกแต่งหัวเกียร์หุ้มหนัง จากสีเงินเมทัลลิกก็จะเป็นสีดำเปียโนแบล็ค
  - วัสดุหุ้มเบาะคู่หน้าทรงสปอร์ต จากผ้าลายสปอร์ตก็จะเป็นหนังและหนังสังเคราะห์

     ตามที่กล่าวมาแล้วนั้น จะบรรจุอยู่ในรุ่น Yaris Ativ เกรด S+  นะครับผม
ถัดมาในรุ่น YARIS HB ก็มีการตกแต่งเพิ่มเติม ตรงใจโดนใจผู้บริโภคเช่นกัน จาก 4 เกรดรุ่น เป็น 5 เกรดรุ่น และรุ่นที่เพิ่มเติมมาคือ Yaris HB G+ ซึ่งจะมีความแตกต่างจากเกรดรุ่น G ที่มีอยู่แล้ว ดังนี้ครับ

เริ่มจากภายนอก (แตกต่างจากเกรด G)
  - กระจังหน้าด้านบน จากสีเดียวกับตัวรถ ก็จะเป็น สีดำเงา
  - กระจกมองข้าง จากสีเดียวกับตัวรถ ก็จะเป็น สีดำเงา
  - ล้ออัลลอยด์ จากสีเงินก็จะเป็นปัดเงาแบบทูโทน

      ไปต่อกันที่ภายใน ที่มีความโดดเด่นเพิ่มขึ้น ตรงตามความต้องการของผู้บริโภค โดยมีสิ่งที่แตกต่าง จากเกรด G ดังต่อไปนี้
  - วัสดุตกแต่งเครื่องเสียงและระบบปรับอากาศ จากสีเงินเมทัลลิกก็จะเป็น สีดำเปียโนแบล็ค
  - วัสดุตกแต่งหัวเกียร์หุ้มหนัง จากสีเงินเมทัลลิก ก็จะเป็นสีดำเปียโนแบล็ค
  - วัสดุตกแต่งแผงประตูบริเวณที่วางแขน จากวัสดุหุ้มผ้า ก็จะเป็นหุ้มหนังตกแต่งด้วยด้ายสีแดง
  - เบาะนั่งคู่หน้าและวัสดุหุ้มเบาะ จากธรรมดาหุ้มผ้าก็จะเป็นทรงสปอร์ตหุ้มหนังและหนังสังเคราะห์
  - วัสดุหุ้มฝาปิดคอนโซลกลาง จากหุ้มผ้าก็จะเป็นหุ้มหนังตกแต่งด้วยด้ายสีแดง
  - พวงมาลัย จากหุ้มหนัง ก็จะมีการตกแต่งด้วยด้ายสีแดง

    ทางด้านเครื่องเสียง เปรียบเทียบกับเกรดรุ่น G ที่มี CD/USB/Bluetooth แต่สำหรับเกรด G+ ก็จะได้
เครื่องเสียงแบบ DVD จอสัมผัส/HDMI/Micro SD นอกจากนั้น จะมาพร้อมกับกล้อง มองหลัง จัดมาให้อีก บวกกับการเพิ่มลำโพงอีก 2 ตัว และทั้งหมดตามที่กล่าวมานั้นเป็นรุ่นที่เพิ่มเติมจากรุ่น Top ของ YARIS ATIV และ HB นะครับผม

 

                                                  “รถที่น่าขับ สำหรับคุณ”
                                                                 ฝ่ายฝึกอบรม
                                          บริษัท พิธานพาณิชย์  จำกัด(กรุงเทพฯ)

หมวด บทความทั่วไป | จำนวนคนอ่าน 2414 ครั้ง | เมื่อ : 08 ต.ค. 2561 | ส่งบทความนี้ให้เพื่อน

COMMUTER ราคาเริ่มต้น 1,339,000 บาท