ห่างหายกันไปนานสำหรับรถสปอร์ตของโตโยต้าในประเทศไทย ก่อนหน้านี้หลายปีที่ผ่านมาบริษัท โตโยต้า มอเตอร์ประเทศไทย จำกัด ได้นำเข้าและจัดจำหน่าย คือ TOYOTA CELICA ที่ใช้รหัสว่า ZZT231 ซึ่งหลายท่านที่ชื่นชมรถสปอร์ตยังคงจำกันได้ดี ในขณะนั้นใช้เครื่องยนต์ขนาด 1,800 CC รูปทรงสวยงาม บาดตา บาดใจ ต่อใครหลายคน อยากมีใช้งานไว้สักคัน และบัดนี้ ในการกลับมาอีกครั้งของรถสปอร์ต โตโยต้า แห่ง ตำนาน AE86 รถสปอร์ตสายพันธุ์แท้ ด้วยเครื่องยนต์ขนาด 2.0 ลิตร แบบ BOXER มีระบบการขับเคลื่อนที่ล้อหลัง การกระจายน้ำหนักของตัวรถเป็นไปอย่างสมดุล ให้สมรรถนะที่ยอดเยี่ยมเต็มเปี่ยมไปด้วยพละกำลัง ความเร็ว และความประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิง ดังนั้น รถสปอร์ตสายพันธุ์ โตโยต้า 86 เป็นการต่อยอด จากรถสปอร์ตสายพันธุ์แท้ที่ได้รับความนิยมสูงสุด รวมกับการรวม DNA จากรถสปอร์ต โตโยต้า ในรุ่นอื่นๆ มารวมเข้าไว้ด้วยกัน
การออกแบบที่มองเห็นทางด้านภายนอกมีความเป็นสปอร์ตขนานแท้ มีความพิถีพิถันในการให้ความสำคัญของหลักอากาศพลศาสตร์ ได้อย่างดีเยี่ยม ในการออกแบบให้รถมีจุดศูนย์ถ่วงที่ต่ำ ทำให้การควบคุมรถเป็นไปอย่างเหนือชั้น จึงส่งผลให้ผู้ขับขี่มีความมั่นใจ บวกกับความสนุกสนานเร้าใจในการขับขี่ สำหรับความยาวตัวรถ 4,240 มม. ความกว้าง 1,775 มม. ความสูง 1,285 มม. ทางด้านความยาวฐานล้อ 2,570 มม. ถือว่าเหมาะสมอย่างมากในการออกแบบอย่างลงตัว เรียกได้ว่าใกล้เคียงกับรถซูเปอร์คาร์ทั้งหลาย
หัวใจของรถสปอร์ตพันธุ์แท้ ใช้รหัส FA20 แบบ BOXER 4 สูบนอน กับระบบ D-4 S ที่มีการจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงอย่างยอดเยี่ยม “ฉีดเท่าที่ให้ จ่ายเท่าที่จำเป็น” เป็นการพัฒนาระหว่างโตโยต้ากับ ซูบารุ ปริมาตรกระบอกสูบที่ใช้ 1,998 CC ความกว้างกระบอกสูบ × ระยะชัก เท่ากับ 86 × 86 มม. (อะไรมันจะพอดีกับชื่อรุ่น) กำลังสูงสุด 147 Kw (200PS) ที่ 7,000รอบต่อนาที แรงบิด 205 N-M ที่ 6,400 รอบต่อนาที เพียงพอต่อการขับเคลื่อน เพราะ บนมาตรวัด (ความเร็ว) มีตัวเลขสุดท้ายที่แสดง 260 กิโลเมตร ต่อชั่วโมง
ในระบบส่งกำลัง จะมีความแตกต่างกันในแต่ละเกรดรุ่นมีให้เลือกทั้งเกียร์ธรรมดา 6 สปีดและเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด เช่นกัน ด้านช่วงล่างหน้าแบบ เมคเฟอร์สันสตรัทพร้อมเหล็กกันโคลง ด้านหลังแบบทอร์ชั่นบีมพร้อมเหล็กกันโคลง ส่วนทางด้านการห้ามล้อ จะมีความแตกต่างกัน ในรุ่น TOP จะใช้ดีเบรกหน้าขนาด 16 นิ้ว ดีสเบรกหลังขนาด 15 นิ้ว รวมถึงการใช้ขนาดของล้อยาง 215/45 R 17 แต่ถ้าเป็นรุ่นรองลงไป จะใช้ขนาดดีสเบรกหน้าและหลังขนาด 15 นิ้ว และจะใช้ขนาดล้อยาง 205/55 R16 ยังมีสิ่งที่แตกต่างกันอีกในส่วนของเฟืองท้าย คือ เป็นแบบ Limited Slip Differential ตรงจุดนี้ จะอยู่ในรุ่น TOP กับรุ่นเกียร์ธรรมดาเท่านั้น
อันดับต่อไป ไปดูสิ่งที่แตกต่างกันอีก เริ่มจากไฟหน้า รุ่น TOP เป็นแบบ HID ปรับระดับอัตโนมัติพร้อมมีไฟหรี่แบบ LED มีการปิด-เปิดอัตโนมัติ มีการฉีดน้ำล้างไฟหน้า ส่วนในรุ่นมาตรฐานเป็นแบบฮาโลเจน มากันต่อในรุ่น TOP จะมีการตกแต่งแนวสปอร์ตด้วย สเกิร์ตรอบคัน สปอยเลอร์หลังมีขนาดใหญ่ มาดูภายในกันอีกครับ ในรุ่น TOP มีการตกแต่งสีสันระหว่าง สีดำ กับสีแดง ในรุ่นมาตรฐานเป็นสีดำ ในรุ่น TOP สามารถเปลี่ยนเกียร์บนพวงมาลัยได้ (Paddle Shift), มีระบบล็อกความเร็ว, มีมาตรวัดความเร็วแบบดิจิทัล, กระจกมองหลังแบบไม่มีเฟรม, เบาะนั่งแบบผ้าพิเศษพร้อมกับการตกแต่งระหว่างสีดำกับสีแดง, มีระบบอุ่นเบาะคู่หน้า, มีระบบ Push Start, Smart entry สิ่งที่ให้มานั้นไม่เพียงจะดูสปอร์ตแล้วนั้นยังดูหรูหราอีกต่างหาก
มากันต่อที่อุปกรณ์และสิ่งอำนวยความสะดวกที่เหมือนกันในทุกเกรดรุ่นได้แก่ กระจกมองข้างแบบปรับและพับเก็บด้วยไฟฟ้า, ปัดน้ำฝนแบบหน่วงเวลาและตั้งเวลาได้, ปลายท่อไอเสียคู่แบบสเตนเลส, พวงมาลัยหุ้มหนัง 3 ก้าน ตัดสีแดง-ดำ, หัวเกียร์และเบรกมือหุ้มหนัง, มีระบบป้องกันกระจกหนีบ, เบาะนั่งด้านหลังสามารถพับเก็บได้, ระบบปรับอากาศแบบแยกอิสระ ซ้าย-ขวา,โครงสร้างนิรภัย GOA, ระบบความปลอดภัยมาเป็นชุดเลยทั้ง ABS,EBD,BA,VSC,TRC, ถุงลมนิรภัยแบบ 7 จุด , ไฟตัดหมอก หน้า-หลัง , immobilizer และอื่น ๆ อีกมากมาย.
สิ่งที่กล่าวมาแล้วนั้น ท่านผู้อ่านหากยังมีข้อสอบถามประการใด สามารถติดต่อมายังเราได้ที่ บริษัท พิธานพาณิชย์ จำกัด ( กรุงเทพฯ ) ได้ทุกสาขา หรือที่ www.phithan-toyota.com call center. 02973-1268-9 ท้ายนี้ขอให้ผู้อ่านทุกท่าน มีสุขภาพ อนามัยที่แข็งแรงครับ สวัสดีครับ .
รถสปอร์ตสายพันธุ์แท้ จากโตโยต้า
แผนก เทคนิคและฝึกอบรม
บริษัท พิธานพาณิชย์ จำกัด ( กรุงเทพฯ )