C-HR มาจากคำว่า Coupe High Rider เป็นรถเก๋งประเภทคูเป้ โดยออกแบบตำแหน่งที่นั่งขับค่อนข้างสูง
เพื่อทัศนะวิสัยที่ดีในการควบคุมรถ เครื่องยนต์ถูกจัดวางไว้ทางด้านหน้ารถ การขับเคลื่อน 2 ล้อหน้าใช้เครื่องยนต์ขนาด 1.8 ลิตร แบบเบนซิน สำหรับผู้ที่ชื่นชอบเครื่องยนต์เบนซินและเครื่องยนต์ 1.8 ลิตรไฮบริด สำหรับผู้ที่ชื่นชอบความประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิง ชื่นชอบเทคโนโลยี รวมถึง การเอาใจใส่ต่อสิ่งแวดล้อม
การออกแบบทั้งภายนอกและภายใน รวมถึงพื้นผิวของชิ้นงานได้รับแรงบันดาลใจในการออกแบบมาจากเพชร ซึ่งให้ความรู้สึกทั้งความล้ำสมัย ความเฉียบคมของเส้นสายและความหรูหรา
เอกลักษณ์ทางด้านหน้า ออกแบบให้ดูล้ำสมัย ลู่ลม สวยสะดุดตา
พร้อมทั้งการติดตั้งเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย เช่น Day Time Running Light 2 ตำแหน่ง, ไฟเลี้ยวแบบ Seguential LED
เอกลักษณ์ทางด้านข้าง ออกแบบให้ดูกะทัดรัด กระฉับกระเฉง
ระยะยื่นหน้า-หลังที่สั้น เพื่อความคล่องแคล่ว ฐานล้อที่ยาว เมื่อเทียบกับความยาวของตัวรถ และจุดศูนย์ถ่วงที่ต่ำ เพื่อการทรงตัวที่ยอดเยี่ยม
เอกลักษณ์ทางด้านท้าย ออกแบบให้สวยสะดุดตา
เช่นเดียวกับด้านหน้า เพื่อสร้างจุดสนใจให้แก่ผู้พบเห็น เติมเต็มด้วยไฟท้ายทรงบูมเมอแรง และหลอดไฟ LED มีการรมดำให้การมองเห็นจากด้านหลังได้ชัดเจน
รูปลักษณ์ภายใน ออกแบบให้ผู้ขับเป็นศูนย์กลาง
เพื่อการควบคุมที่ง่าย ตำแหน่งที่นั่ง สามารถมองเห็นได้กว้าง รวมถึงลดจุดที่บดบังการมองเห็นของผู้ขับ เช่น เสาหน้า
พร้อมติดตั้งเทคโนโลยีเพื่อช่วยอำนวยความสะดวกแก่ผู้ขับ ให้ขับขี่ได้อย่างเพลิดเพลินและปลอดภัย ในส่วนของเบาะนั่ง ทางด้านหน้าทรงสปอร์ต เบาะหลังพับได้ เพื่อเพิ่มอรรถประโยชน์ใช้สอย ได้ตามต้องการ
ลักษณะเด่น ของ C-HR ในรุ่นไฮบริด
ในส่วนของเครื่องยนต์ ใช้เครื่องยนต์ขนาด 1.8 ลิตรเหมาะสมกับตัวรถได้เป็นอย่างดีและลงตัวเป็นที่สุด รองรับใช้เชื้อเพลิง E20 เรียกว่าใช้เชื้อเพลิงได้หลากหลาย สามารถทำงานร่วมหรือ สลับการทำงานกับมอเตอร์ไฟฟ้า
โดยเลือกนำประสิทธิภาพที่ดีที่สุดในแต่ละขณะส่งผ่านชุดอุปกรณ์แบ่งกำลังพร้อมเกียร์ E-CVT ซึ่งประกอบไปด้วยมอเตอร์ไฟฟ้ากำลังสูงชนิดที่ไม่ต้องการการบำรุงรักษาตลอดอายุการใช้งาน มีจุดเด่นที่ให้แรงบิดสูงตั้งแต่เริ่มทำงานและตลอดช่วงการทำงานจึงให้การ ขับขี่ที่ราบรื่น ไม่มีอาการสะดุด ให้อัตราเร่งที่นุ่มนวล ใช้เชื้อเพลิงน้อยที่สุดเท่าที่เคยเป็นมาพร้อมปลอดปล่อยมลภาวะทางไอเสีย ต่ำสุด และด้วยการทำงานร่วมกันของเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้า จึงเป็นการลดการทำงานของกันและกัน ซึ่งเท่ากับว่าเป็นการช่วยลดการสึกหรอของชิ้นส่วนเครื่องยนต์ได้อีกทางหนึ่งด้วย แบตเตอรี่ไฮบริด ชนิดนิกเกิ้ล เมทัล ไฮดราย (Ni-MH) ได้มีการพัฒนาใหม่ เพื่อให้สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด อันได้แก่
- มีขนาดกะทัดรัดเทียบเท่าแบบลิเที่ยม
- น้ำหนักเบาเทียบเท่าแบบลิเที่ยม
- จ่ายไฟฟ้าได้นาน
- ทนทานต่ออุณหภูมิสูงได้ดี
- ราคาถูกกว่าแบตเตอรี่รถไฮบริดที่มีในท้องตลาด
เกียร์ E-CVT ประกอบไปด้วย มอเตอร์ไฟฟ้ากระแสสลับ 2 ตัวพร้อมอุปกรณ์แบ่งกำลังตัวหนึ่งเป็นได
ชาร์ทและไดสตาร์ท ส่วนอีกหนึ่งตัวเป็นมอเตอร์ขับเคลื่อนและไดชาร์ท ออกแบบให้ระบบเลือกแหล่งกำลังที่เหมาะสมที่สุดในการขับเคลื่อน จึงได้กำลัง การออกตัวที่ดีกว่าด้วยแรงบิดสูงสุดของมอเตอร์ไฟฟ้าขณะออกตัวและได้
ความประหยัดเชื้อเพลิงในการขับขี่ปกติ นอกจากนี้สามารถชาร์ทไฟขณะขับได้ สำหรับชุดควบคุมกำลังไฟฟ้าจะมีการปรับกระแสไฟฟ้าและกำลังไฟฟ้าให้เหมาะสมกับทุก สภาวะการทำงานของระบบไฮบริดโดยอัตโนมัติในส่วนของ แบตเตอรี่ 12 โวลต์ หรือที่เรียกว่า แบตเตอรี่เสริมไฮบริด ได้มีการพัฒนาเป็นแบตเตอรี่ชนิดเดียวกับรถยนต์ทั่วไป ทางด้านราคาก็เท่ากับแบตเตอรี่ทั่วไปการรับประกันก็เหมือนแบตเตอรี่ทั่วไป ในการรับประกันในส่วนของระบบไฮบริด ทางผู้เขียนขอสรุปให้ทราบ ดังนี้
* แบตเตอรี่ไฮบริด การรับประกัน 10 ปี ไม่จำกัดระยะทาง
* ระบบไฮบริด การรับประกัน 5 ปี ไม่จำกัดระยะทาง
สำหรับ การรับประกันตัวรถนั้น ถือว่าไม่ธรรมดา เพราะ รับประกันตัวรถ 5 ปี หรือ 150,000 กิโลเมตร แล้วแต่ระยะใดถึงก่อน นะครับผม ลูกค้าท่านใดสนใจสามารถเข้าไปตามลิงค์นี่ได้เลยครับ >> phithan-toyota.com/th/car/chr
ติดตามเรื่องรามตอนที่ 1 คลิก phithan-toyota.com/th/article/detail/1081/7
“ความสดใหม่ ใน C-HR ”
ฝ่ายฝึกอบรม
บริษัท พิธาน พาณิชย์
จำกัด (กรุงเทพฯ)