phithan-toyota.com | พิธานพาณิชย์ จำกัด ศูนย์บริการและจำหน่ายรถยนต์โตโยต้าทุกรุ่น

บทความ

ดิฟเฟอร์เรนเชียล “กลาง” ในรถขับเคลื่อนสี่ล้อ

หมวด เทคนิคเกี่ยวกับรถ | จำนวนคนอ่าน 33133 ครั้ง | เมื่อ : 06 มิ.ย. 2550 | ส่งบทความนี้ให้เพื่อน

ในรถยนต์แบบขับเคลื่อนสี่ล้อ ก็จะมีให้เลือกอยู่ 2 ประเภท คือ  Full time (ตลอดเวลา) และ Part time (บางเวลา) ซึ่งจะแตกต่างกันทางด้านการใช้งาน การขับเคลื่อนแบบสี่ล้อบางเวลายามปกติจะเป็นการขับเคลื่อนแค่ 2 ล้อเท่านั้น และเมื่อมีความจำเป็นต้องการขับแบบสี่ล้อ ผู้ขับขี่จะต้องเปลี่ยนระบบขับเคลื่อนเอง (รูปแบบการขับขี่)
         ทางด้านการขับเคลื่อนสี่ล้อตลอดเวลานั้น ไม่ว่าจะขับไปในเส้นทางใด ระบบของการขับเคลื่อน จะพร้อมกันทั้งสี่ล้อตลอดเวลา ซึ่งข้อแตกต่างระหว่างการขับสี่ล้อตลอดเวลาและบางเวลา คือ การขับเคลื่อนสี่ล้อบางเวลานั้น ล้อหน้ากับล้อหลังต่างมีดิฟเฟอร์เรนเชียลแยกกันคนละชุด ส่วนการขับเคลื่อนสี่ล้อตลอดเวลานั้น มีดิฟเฟอร์เรนเชียลพิเศษขึ้นอีก 1 ชุด เรียกว่า “ดิฟเฟอร์เรนเชียลกลาง” ปัจจุบันได้บรรจุอยู่ในรถยนต์โตโยต้าที่มีจำหน่ายในประเทศไทย ได้แก่ โตโยต้า LAND CRUISER และ FORTUNER ซึ่งจะใช้คำว่า LSD (Limited Slip Differential)         

ทำไม ? ดิฟเฟอร์เรนเชียลกลาง (LSD) จึงเป็นสิ่งจำเป็น        

การทำงานของดิฟเฟอร์เรนเชียลกลาง ในกรณีรถเลี้ยวจะเกิดความแตกต่างกันทางด้านความยาวของรัศมีวงเลี้ยว ความเร็วของล้อซ้ายและล้อขวา หมุนด้วยความเร็วที่แตกต่างกัน (ล้อที่อยู่ด้านนอก จะหมุนด้วยความเร็วที่สูงกว่า และมีระยะทางที่ยาวกว่า) ด้วยเหตุนี้ จึงมีความจำเป็นที่ต้องติดตั้งอุปกรณ์ดังกล่าว

หลักการและเหตุผล
         ระบบการขับเคลื่อนสี่ล้อบางเวลา (Part time) จะไม่มีดิฟเฟอร์เรนเชียลกลางที่ใช้ดูดซับความแตกต่างของความเร็วในการหมุนของล้อ ไม่ว่าจะเป็นล้อหน้ากับล้อหลัง หรือล้อซ้ายกับล้อขวา การหักเลี้ยวในมุมแคบจะมีอาการเหมือนรถถูกเบรกเอาไว้ ทำให้ไม่สามารถเลี้ยวได้โดยง่าย ดังนั้นจะต้องมีการเปลี่ยนรูปแบบการขับ จาก 4 ล้อ เป็น 2 ล้อ ตามสภาวะการขับขี่ขณะนั้น ถึงจะมีการเลี้ยวที่คล่องตัว        

แต่...ในระบบขับเคลื่อนสี่ล้อตลอดเวลา (Full time) เพลาแต่ละเพลานอกจากจะมีดิฟเฟอร์เรนเชียลเป็นของตัวเองแล้ว จำเป็นที่จะต้องติดตั้งดิฟเฟอร์เรนเชียลกลางเพิ่มขึ้น โดยติดตั้งไว้ระหว่างล้อหน้าและล้อหลัง การทำงานจะสัมพันธ์กันทั้ง 3 ชุด (หน้า, หลัง และกลาง) เพื่อใช้สำหรับดูดซับความแตกต่างในการหมุนของล้อหน้าและล้อหลัง ทำให้การขับเคลื่อนหรือการเลี้ยวเป็นไปอย่างราบเรียบ การส่งถ่ายกำลังไปยังล้อทั้งสี่สามารถกระทำได้เท่าๆกัน แม้ในขณะที่กำลังเลี้ยว และนี่คือจุดเด่นของ ดิฟเฟอร์เรนเชียลกลาง นั่นเอง
                                    


                                      แผนกเทคนิคและฝึกอบรม
                             บริษัท พิธานพาณิชย์ จำกัด (กรุงเทพฯ)

 

 

 

ขอบคุณภาพ

i.ytimg.com

หมวด เทคนิคเกี่ยวกับรถ | จำนวนคนอ่าน 33133 ครั้ง | เมื่อ : 06 มิ.ย. 2550 | ส่งบทความนี้ให้เพื่อน

    แสดงความคิดเห็น (2)

  • ความเห็นที่ 1
  • ช่วยอธิบายการขับและการใช้ปุ่ม diff lock ใน Land cruiser ให้หน่อยเพราะไม่เคยใช้รถนี้ลย พึ่งได้มาใหม่ ครับ ตำแหน่งเกียร์เสริมควรอยู่ตำแหน่งใดวลาขับเส้นทางธรรมดา และเวลาจะให้เกียร์เสริมในทางวิบาก
    ขอบคุณมากครับ ช่วยอนุเคราะห์มือใหม่หน่อยครับ
  • จาก : ชูเชิด
  • เมื่อ : 2008-10-04 11:25:01
  • ความเห็นที่ 2
  • รบกวนขอดูภาพประกอบ ระหว่ง 2แบบข้างต้นด้วยครับ.
  • จาก : ณัฐ
  • เมื่อ : 2009-02-25 20:29:59

เลือกซื้อสินค้าออนไลน์ Trumq