ในปัจจุบันราคาน้ำมันได้สูงขึ้นเรื่อยๆ ทำให้รัฐบาลต้องออกมารณรงค์ เกี่ยวกับการประหยัดน้ำมันโดยมีข้อ ความเชิญชวนต่างๆ เช่น “ ใช้ 91 เติม 91 ” หรือ “ ขับ 90 กม./ชม.แทน110 กม./ชม. ” หรือ “ ใช้แก๊สโซฮอล์ 95 แทนเบนซิน 95 ” และ จากกระทู้ต่างๆที่สอบถามเข้ามายัง Webboard ของเราเกี่ยวกับการเลือกใช้ค่าออกเทนที่ถูกต้องดังนั้นทางแผนกเทคนิคและฝึกอบรมจึงได้จัดหาข้อมูลที่น่าสนใจและน่าจะเป็นประโยชน์ต่อผู้ใช้รถยนต์ให้สามารถทราบถึงข้อมูลของค่าออกเทนเพื่อที่จะได้มีความเข้าใจเกี่ยวกับการเลือกใช้ค่าออกเทนที่เหมาะสมสำหรับเครื่องยนต์ ซึ่งจะทำให้เกิดประโยชน์ สูงสุดกับเจ้าของรถยนต์และประเทศชาติของเรา
ค่าออกเทน คือ อะไร...
โดยปกติแล้วในน้ำมันเบนซินจะถูกเติมสารเพิ่มค่าออกเทน เพื่อจะทำให้น้ำมันมีคุณสมบัติทนต่อการน๊อคได้สูงขึ้น เช่นเดียวกับการเพิ่มค่าซีเทนในน้ำมันดีเซล ซึ่งในอดีตสารที่ใช้ในการเพิ่มค่าออกเทน จะมีส่วนผสมของสารตะกั่วประกอบอยู่ด้วย โดยสารตะกั่วจะทำให้เกิดมลพิษจากไอเสีย ซึ่งเป็นผลร้าย ต่อมนุษย์และสิ่งแวดล้อมแต่ในปัจจุบันมีการพัฒนาคุณภาพของน้ำมันโดยไม่ต้องใช้สารตะกั่วมาเป็นสาร ประกอบเพื่อเพิ่มค่าออกเทนอีกต่อไป ดังนั้นเราจึงได้ยินคำว่า “ น้ำมันไร้สารตะกั่ว ” ซึ่งในขณะนี้มีอยู่ 2 ชนิดในท้องตลาดคือ น้ำมันเบนซินออกเทน 91 และน้ำมันเบนซิน ออกเทน 95 โดยทั้ง 2 ชนิด จะเป็นน้ำมันที่ไร้สารตะกั่วทั้งคู่
ค่าออกเทน คือ คุณสมบัติของน้ำมันที่แสดงถึงความสามารถในการต้านทานการจุดระเบิดก่อนเวลาที่กำหนดในเครื่องยนต์เบนซิน หรือเป็นค่าที่แสดงถึงความต้านทานการน็อคของเชื้อเพลิงในเครื่องยนต์ซึ่งในเครื่องยนต์แต่ละรุ่นแต่ละแบบจะมีความต้องการค่าออกเทนที่ไม่เท่ากันโดยขึ้นอยู่กับการ ออกแบบของวิศวกรและบริษัทผู้ผลิตรถยนต์
ผลลัพธ์ที่ได้ คือ...
เมื่อผู้ใช้รถยนต์ใช้น้ำมันที่มีค่าออกเทนที่เหมาะสมกับความต้องการหรือข้อกำหนดของเครื่องยนต์จะทำให้เครื่องยนต์มีประสิทธิภาพสูงสุดในการใช้งาน และยังช่วยให้ประหยัดทรัพยากร รวมทั้งยังประหยัดเงิน แต่ถ้าใช้น้ำมันที่มีค่าออกเทนต่ำกว่าความต้องการอาจทำให้เครื่องยนต์เกิดการน็อคทำให้ประสิทธิภาพ ของเครื่องยนต์ลดลง รวมถึงความเสียหายที่จะเกิดขึ้นกับตัวกรองไอเสียในขณะเดียวกันหากใช้น้ำมันที่มีค่าออกเทนสูงเกินความต้องการของเครื่องยนต์ ถึงแม้จะไม่ส่งผลกระทบต่อเครื่องยนต์หรือการใช้งาน แต่จะทำให้เกิดความสิ้นเปลืองได้
ดังนั้น ผู้ใช้รถยนต์จึงควรเลือกเติมน้ำมันตามที่คู่มือการใช้รถยนต์ระบุไว้ เพื่อประสิทธิภาพต่อเครื่องยนต์และเป็นการประหยัดต่อผู้ใช้รถยนต์เอง